การดู สเป็คของร่มครับ เพื่อรู้ถึง ค่าต่างๆที่อธิบายอยู่ในคู่มือของร่ม
Year - ปีที่ผลิต (ออกแบบ)
ร่มรุ่นใหม่ๆ ย่อมดีกว่ารุ่นเก่าเป็นแน่นอน เพราะการออกแบบ การพัฒนา และวัสดุที่เลือกใช้ มีการปรับปรุงสูงขึ้น
ควรเลือกซื้อร่ม ทีมีการผลิต(ออกแบบ) ภายในสามปี หรือห้าปีล่าสุด เป็นอย่างมาก
Flat Area - พื้นที่ปีกของร่ม(วัดขนาดผ้า เป็นตารางเมตร) ค่านี้ จะใช้ในการบอกขนาดหรือไซส์ของร่ม
เช่น ไซส์ 28 หมายถึงมีพื้นที่ปีก 28 ตารางเมตร
Flat Span - ความกว้างของร่ม โดนวัดระยะห่างระหว่างปลายปีกด้านซ้ายและขวา
Flat Ratio - อัตราส่วนของความกว้างและพื้นที่ปีก โดยคิดจาก ความกว้างยกกำลังสอง หารด้วย พื้นที่ปีก
ค่า Ratio ของร่ม โดยปกติ จะอยู่ที่ 4-6 ร่มที่มีค่า Ratio สูง จะเป็นร่มที่เพรียว มีความว่องไว
และมีอัตราการยกที่สูง ณ ปัจจุบันร่มแข่ง บางตัว มีค่า Ratio ถึง 8 ทำให้มี ความเร็ว และอัตราการร่อน ที่สูงมาก แต่ก็อันตรายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
Project Area – พื้นที่เงาร่ม
Project Span - ความกว้างของเงาร่ม
Project Ratio - อัตราส่วน ความกว้างของเงากำลังสอง หารด้วย พื้นที่เงา
Flattening - เปอร์เซนต์ ของขนาดพื้นที่ผ้าร่ม ที่ลดลง เมื่อเป็นขนาดพื้นที่เงา
ร่มที่มีความโค้งของปีกเยอะ ก็จะมีค่า Flattening ที่มาก และทำให้ร่ม มีความเสถียรสูงขึ้น
Uper-Surface - วัสดุ ที่ใช้ทำผ้าร่ม ชั้นบน
เป็นผ้าร่มที่มีความทนทาน ทำจาก ริปสต็อบ-ไนลอน ทนแสงยูวี ได้ดี มี 2 ชนิดหลักๆ คือ Gelvenor silicone-coated จาก แอฟริกาใต้ และ Porcher Marine SKYTEX จากฝรั่งเศส
Gelvenor ที่ใช้อยู่ทั่วไป มี 2 แบบ คือ LCN 066 มีน้ำหนักประมาณ 55 กรัม/ตารางเมตร
และ LCN 0517 ขนาด 45 กรัม/ตารางเมตร
ส่วน Porcher ก็นิยมใช้อยู่ 2 ขนาดเช่นกัน คือ SKYTEX S9017 มีน้ำหนักประมาณ 40 กรัม/ตารางเมตร
และ SKYTEX S9092 ขนาด 45 กรัม/ตารางเมตร
Under-Surface - วัสดุ ที่ใช้ทำผ้าร่ม ชั้นล่าง อาจเป็นแบบเดียวกับ ผ้าร่ม ชั้นบน
หรือใช้วัสดุที่มีความบางและน้ำหนักน้อยกว่าผ้าร่มชั้นบน เพื่อลดน้ำหนัก และทำให้การตั้งร่มง่ายขึ้น
ผ้าร่มชั้นล่าง จะเป็นส่วนที่ไม่ค่อยได้สัมผัสพื้น และโดนแสงยูวี เฉพาะตอนวางร่มก่อนเทคอ็อฟเท่านั้น
จากกราฟ ข้างบน เป็นการทดสอบผ้าร่มตัวใหม่ Skytext E85A เทียบกับผ้าร่มชนิดเก่า
โดยการนำผ้าร่มไปปั่น แล้ววัดค่าการไหลของอากาศ ที่ไหลผ่านผ้าร่ม หลังจากการปั่น ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
ผ้าร่มที่ดี จะต้องยอมให้อากาศไหลผ่านได้น้อยที่สุดแม้จะใช้ไปนาน นั้นก็คือยังอุ้มอากาศได้ดีอยู่
Lines - สายร่ม ทำจาก เคฟล่า(อารามิด ไฟเบอร์) หรือ สเปคตร้า(ไดนีม่า) อาจมีปลอกหุ้มอีกที
โดยเปลือกหุ้มไม่ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงแต่อย่างใด แต่เพื่อป้องกันสายจากการขัดสี และแสงยูวี
เปลือกหุ้มอาจทำเป็นสี แต่ละสี สำหรับสายแต่ละชุด เพื่อง่ายแก่การสังเกต
เช่น A สีแดง B สีน้ำเงิน C สีเหลือง D สีเขียว
นอกจากนี้สายที่ใช้ ยังแบ่งออกเป็นหลายขนาด ตั้งแต่ 0.9 ถึง 2.1 มิลลิเมตร
สายชั้นล่างซึ่งมีจำนวนสายน้อย จะมีขนาดใหญ่สุด
ถัดขึ้นไปซึ่งมีจำนวนสายมากขึ้น ก็จะใช้สายขนาดเล็กลงตามลำดับ
Risers - มีกี่ไรเซอร์และแต่ละไรเซอร์มีกี่สาย เช่น
4(3A/3B/4C/2D) หมายถึงมี 4 ไรเซอร์ ชุดA มี3เส้น ชุดB มี3เส้น ชุดC มี4เส้น และ ชุดD มี2เส้น
5(2A+1A'/3B/4C/2D) หมายถึงมี 5 ไรเซอร์ โดยแบ่งไรเซอร์ชุดA ออกเป็น Aใหญ่ 2 เส้น
และ Aเล็ก 1 เส้น สำหรับทำบิกเอียร์
การรับน้ำหนักของชุดไรเซอร์ แต่ละเส้น จะมีค่าไม่เท่ากัน โดยแบ่งเป็น
A: 36% , B: 36% , C: 18% , D: 10%
สาย A และ B ต้องสามารถ รับน้ำหนัก ได้มากกว่า 8 เท่าของน้ำหนักสูงสุด
เช่น ร่ม รับน้ำหนักได้สูงสุด 105 kg สายที่ไรเซอร์ A-B ต้องรับน้ำหนักได้ 105*8 = 840 kg
ฉนั้นเมื่อ ไรเซอร์A มี3เส้น และ ไรซอร์B มี3เส้น รวม 2 ด้าน เป็น 12 เส้น
สาย A หรือ B 1 เส้น ต้องสามารถ รับน้ำหนักได้อย่างน้อย 840/12 kg = 70 kg
สำหรับ สาย C และ D ต้องสามารถ รับน้ำหนัก ได้มากกว่า 6 เท่าของน้ำหนักสูงสุด
ถ้าเป็นร่มระบบรีเฟล็ก(สำหรับบินพารามอเตอร์) จุดศูนย์ถ่วง จะย้ายมาอยู่ด้านหน้า
ทำให้ร่ม มีความเร็วสูงขึ้น และมีแรงต้านร่มพับมากขึ้น แต่ก็ทำให้ไรเซอร์ A รับน้ำหนักมากกว่าไรเซอร์อื่นๆด้วย
A: 68% , B: 12% , C: 12 % , D: 8%
Wing-Weight - น้ำหนักร่ม โดยบอกเป็นกิโลกรัม น้ำหนักร่มปกติแล้ว จะอยู่ที่ 5-7 กิโลกรัม
ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนเซล จำนวนสาย และวัสดุ ที่ใช้ในการผลิตร่ม
Box-Cell-Closed - จำนวนจุดต่อสายร่ม-จำนวนเซลทั้งหมด-จำนวนเซลที่ปิด
หากมีจำนวนจุดต่อสายเยอะ ร่มก็จะมีการบาลานซ์น้ำหนักได้ดี มีความแข็งแรงขึ้น
แต่จะมีการต้านลม จากจำนวนสายที่มาก
จึงต้องนำสายมารวมกันเป็นจุดแล้วต่อด้วยสายเส้นที่ใหญ่เพียงเส้นเดียว เพื่อลดจำนวนสายลงมาเป็นชั้นๆ
Accelerator - ระยะความยาวของตัวเร่งความเร็ว หรือ สปีดบาร์
Trims – ทริมสำหรับเปิดปิด เพื่อเพิ่มลด มุมปะทะของร่ม อันมีผลต่อความเร็วและความเสถียรของร่ม
Naked-Pilot-Weight – น้ำหนักนักบินที่เหมาะสม
In-Flight-Weight (PTV) – น้ำหนักโดยรวมอุปกรณ์ทั้งหมดขณะบิน
โดยจะแบ่งเป็น Minimum(น้ำหนักต่ำสุด) และ Maximum(น้ำหนักสูงสุด)
หากนักบิน บินอยู่ในระหว่าง น้ำหนักต่ำสุด ถึง น้ำหนักสูงสุด ก็จะบินได้อย่างปลอดภัย
แต่ค่าน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด น่าจะอยู่ที่ ประมาณ สองในสาม ของช่วงน้ำหนัก
เช่น Minimum = 70 และ Maximum = 90
ค่าสองในสาม ของ 70 ถึง 90 = 70 + (90-70)*2/3 = 83.4 Kg
หากนักบิน บินต่ำกว่า Minimum ร่มก็จะเกิดการพับได้ง่าย หากอากาศไม่ดี
หรือลมมีความแปรปรวน เพราะน้ำหนักถ่วงมีน้อย
และหากนักบิน บินสูงกว่า Maximum
ร่มก็จะมีความเร็ว และอัตราการสูญเสียความสูงที่มากขึ้น
ถ้ามากเกินไป ก็ก่อให้เกิดอันตรายได้ง่ายเช่นกัน
Wing-Load อัตราการรับน้ำหนักของร่ม ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร
โดยคำนวณจาก น้ำหนักต่ำสุด บวกน้ำหนักสูงสุด แล้วหารด้วย 2
จะได้น้ำหนักโดยเฉลี่ย จากนั้นหารด้วย จำนวนพื้นที่ผ้าร่ม
Acceler/Maximum/Minimum - ความเร็วของร่มตามสป็ต
Accelerator = ความเร็วสูงสุดขณะเหยียบสปีดบาร์ และไม่มีการรั้งเบรค
Maximum = ความเร็วขณะปล่อยสายคอนโทรล(ยังไม่เหยียบสปีดบาร์)
สำหรับร่ม DHV ต่ำ ซึ่งมีความปลอดภัยสูง การบินที่ Max Speed (ปล่อยมือ)จะบินได้อย่างปลอดภัย
แต่ถ้าเป็นร่ม DHV สูงๆ ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะร่มอาจพับได้ง่าย
Minimum = ความเร็วต่ำสุด จากการทำให้ร่มช้าลง แล้วร่มยังไม่เข้าสภาวะสต็อล
หากดึงเบรคมากไปกว่านี้ ความเร็วจะต่ำกว่า ความเร็วสต็อล ทำให้ร่มสต็อลได้
Best-Sink-Rate
อัตราการสูญเสียความสูงที่ดีที่สุด
เช่น 1 เมตร ต่อ วินาที หากเราบินอยู่ในเทอร์มอล ที่มีอัตราการยก 4 เมตร ต่อวินาที
เราก็สามารถเพิ่มความสูงจากพื้น ได้ถึง 4(ยก) - 1(ตก) = 3 เมตร ต่อ วินาที
Best-Glide ช่วงความเร็ว และ ซิงค์เรท ที่ให้อัตราการร่อน หรือระยะเดินทาง ดีที่สุด
เช่น 1.2 m/s > 39 km/h หมายถึงบินที่ ความเร็ว 39 km/hr
จะมีการสูญเสียความสูง 1.2 m/s แต่จะทำระยะทางได้ไกลสุด
Best Glide Ratio (L/D)
อัตราการ ร่อนที่ดีที่สุด โดยคิดเป็น อัตราส่วนของ ระยะทางที่เดินทางได้ กับความสูงที่สูญเสียไป
เช่น อัตราการร่อน เท่ากับ 10 หมายถึง เดินทาง ไปได้ ระยะทาง 10 km จะสูญเสียระดับหรือความสูง 1 km
ณ. ปัจจุบัน ร่มรุ่นใหม่ๆ มีการพัฒนา ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น
พร้อมๆ กับประสิทธิภาพในการร่อน ที่สูงขึ้นด้วย
อย่าง เช่น Gradient Golden 2 หรือ Nova Mamboo ซึ่งเป็นเพียงร่ม DHV 1-2
แต่กลับมีประสิทธิภาพในการร่อน สูงกว่า ร่ม DHV 2 หลายๆ ตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น