วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ร่มร่อน ตอนที่ 2 (ร่มร่อน บินได้อย่างไร)

ด้วยลักษณะปีกของ ร่มร่อน ที่มี รูปร่าง คล้ายปีกของเครื่องบิน
เมื่อมีอากาศไหลผ่านปีกของร่มร่อน จึงก่อให้เกิดแรงยก


การที่จะมีอากาศไหลผ่านปีกของร่มร่อนได้ ก็ต้องอาศัยลมให้พัดผ่านปีก
หรือไม่ก็ต้องนำปีก วิ่งผ่านอากาศ ออกไป


ถ้าไม่มีลม หรือปีกไม่มีการเคลื่อนไหวผ่านอากาศ ร่มร่อนก็ไม่มีแรงยก
เพราะร่มร่อน ไม่มีเครื่องยนต์ คอยขับเคลื่อนไปข้างหน้า เหมือนเครื่องบิน
การเล่นร่มร่อน จึงต้องอาศัย การลากให้ร่มไหลผ่านอากาศจนมีแรงยก
ซึ่งอาจเป็นการลากด้วยรถ หรือเรือ เพื่อทำความสูง แล้วร่อนต่อไป


แต่วิธีทำความสูงที่ง่ายสุดคือ ขึ้นไปบนยอดเขาสูงๆ แล้วนำร่มร่อน ร่อนออกมาก




ถึงแม้ ร่มร่อน จะร่อน ออกไปได้ไกล  แต่ความสูงของร่มร่อน ก็จะสูญเสียไปเรื่อยๆ
แล้วจะทำอย่างไร ให้ร่มรักษาระดับไว้ หรือเพิ่มความสูงขึ้นได้ โดยที่ร่มยังร่อนต่อไปได้อีก

ต้องหา ลิฟท์แบนด์ หรือลมยก บริเวณหน้าภูเขา และ แหล่งลมยกอื่นๆ ทำความสูง

เนื่องจาก ร่มร่อน จะมี ความเร็ว ในการร่วงหล่น หรือสูญเสียความสูง อยู่ตลอดเวลา
แม้ขณะ อยู่ ใน ลิฟท์แบนด์ หรือ เทอร์มอล ก็ตาม

ถ้าแรงยก ของลิฟท์แบนด์ หรือเทอร์มอล  มีค่ามากกว่า ความเร็ว ในการร่วงหล่น ของร่ม
เราก็จะเห็นร่มร่อน ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ


ลิฟท์แบนด์ หรือลมยก ที่เกิดบริเวณหน้าภูเขา เกิดจากการที่ ลมพัดมาปะทะภูเขา
แต่ภูเขาจะกั้นลมไว้ ลมจึงไหลขึ้นตามความลาดเอียงของภูเขา เพื่อไหลผ่านพ้นภูเขาไป


โดยระดับความสูงที่ ร่มร่อน จะทำได้ ก็จะไม่สูงกว่าภูเขาไม่มากนัก
เมื่อลมพัดผ่านไปยังด้านหลังภูเขา ก็จะไหลลงและเป็นลมแปรปรวน ซึ่งอันตรายต่อการบิน

ถ้าเราบินตรงไปข้างหน้า จนหลุดออกจากบริเวณลมยกหน้าภูเขา
ร่มร่อน ก็จะสูญเสียความสูงไปเรื่อยๆ จนถึงพื้น
ถ้าจะร่อนอยู่ในอากาศให้นาน ก็ต้องบินกลับมาหน้าภูเขาเพื่ออาศัยลมยก ทำความสูงอีกครี้ง

ลมยกที่สำัคัญที่สุด ในการร่อนเดินทางไกลคือ ลมยกที่เกิดจากความร้อน หรือเทอร์มอล
ซึ่งเกิดจาก กลุ่มอากาศร้อน ที่ใหลจากที่ต่ำขึ้นที่สูง


ลมยกชนิดนี้ จะมีความสูงจนถึงก้อนเมฆ เพราะมันเป็นจุดก่อให้เกิดเมฆส่วนใหญ่
แต่จะเป็นลมยกในบริเวณแคบๆ คือ ณ ตำแหน่งพื้นดิน สูงขึ้นไป จนถึงเมฆแต่ละก้อน
และไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา แต่จะเกิดเป็นช่วงๆ  ซึ่งใช้ระยะเวลา ประมาณ 15-20 นาที และสลายไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น